ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,963.94 จุด ลดลง 30.83 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,201.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,819.26 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ -0.03%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐ โดยทางการจีนเปิดเผยว่ายอดส่งออกในเดือนม.ค.ขยายตัว 10.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 4.3% ในเดือนธ.ค.
ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 221 ต่อ 201 ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายเพดานหนี้ไปจนถึงกลางเดือนมี.ค.2557 ซึ่งจะเปิดทางให้กระทรวงการคลังสหรัฐสามารถออกตราสารหนี้ชุดใหม่ที่มีมูลค่าสูงกว่าเพดานปัจจุบันที่ 17.2 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนางเยลเลนได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการเงินของรัฐสภาสหรัฐว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าแผนการปรับลดมาตรการ QE ต่อไป เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะช่วยให้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการก่อนหน้านี้
หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลง 1.7% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2557 เนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ
หุ้นดาวเคมิคอล ร่วงลง 1% หลังจากโบรกเกอร์บางแห่งได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของบริษัท ขณะที่หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 3.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอเมซอนเช่นกัน
หุ้นลิงค์อิน ร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้