ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 331.48 จุด หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้น 4.5% ในช่วงหกวันที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลง 15.61 จุด หรือ 0.23% ที่ระดับ 6,659.42 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดขยับขึ้น 7.30 จุด หรือ 0.17% ที่ 4,312.80 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดเพิ่มขึ้น 56.77 จุด หรือ 0.60% ที่ 9,596.77 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดขาดปัจจัยผลักดันที่เป็นบวก ส่งผลให้ช่วงขาขึ้นที่ดำเนินติดต่อกันมาหลายวันต้องหยุดชะงัก
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ร่วง 2.6% หลังจากที่ธนาคารรายใหญ่สุดของฝรั่งเศสรายงานผลกำไรไตรมาสสี่ร่วงลง 76% ผิดไปจากที่มีการคาดการณ์กันไว้ อันเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย
หุ้นโรลส์-รอยซ์ ดิ่ง 14% หลังผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานเผยคาดการณ์ที่ว่ารายได้และกำไรของบริษัทอาจหยุดเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ขณะที่ผลกำไรสำหรับปี 2556 ลดลง 41%
หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พีแอลซี ลบ 2.7% หลังผู้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่สุดของอังกฤษรายงานยอดขาดทุนสุทธิ 838 ล้านปอนด์ในปีงบการเงิน 2556 ซึ่งแม้ลดลงจากที่ขาดทุน 1.47 พันล้านปอนด์ในปี 2555 แต่ก็ยังมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นเนสท์เล่ ลบ 1.5% หลังบริษัทอาหารรายใหญ่สุดของโลกรายงานยอดขายเพิ่มน้อยสุดในรอบสี่ปี เนื่องจากการใช้จ่ายที่ซบเซาในประเทศพัฒนาแล้ว
อย่างไรก็ดี ขณะที่หลายบริษัทรายงานตัวเลขน่าผิดหวัง แต่อีกหลายบริษัทก็เผยข้อมูลที่สดใส โดยหุ้นเรโนลต์พุ่ง 5.6% หลังจากบริษัทผู้ผลิตรถสัญชาติฝรั่งเศสเผยผลกำไรดีเกินคาด
ส่วนในเยอรมนี หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์บวก 1.5% หลังธนาคารรายใหญ่อันดับสองของเยอรมนีกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาสสี่ ซึ่งช่วยดันดัชนี DAX ให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นอกจากรายงานผลประกอบการภาคเอกชนแล้ว บรรยากาศการซื้อขายยังซึมซับปัจจัยจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีกลดลง 0.4% ในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้น 8,000 ราย แตะ 339,000 รายในสัปดาห์ที่สิ่นสุด ณ วันที่ 8 ก.พ. จากระดับ 331,000 รายในสัปดาห์ก่อน ซึ่งผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดว่าน่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย