ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 11.35 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 16,209.76 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 1,846.36 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 4,298.94 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์ยูเครน โดยมีรายงานในวันนี้ว่ารัฐสภายูเครนมีมติรับรองคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอาร์เซนี ยัตเซนยุค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐสภายูเครนมีมติแต่งตั้งนายโอเลคซานเดอร์ เตอร์ไชนอฟ ประธานรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ภายหลังจากที่ถอดถอนประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิชออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 348,000 ราย แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 338,250 ราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์มองว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนม.ค. ปรับตัวลดลง 1% แต่เป็นการปรับตัวลงที่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.5% และหากนับไม่รวมสินค้าหมวดขนส่งซึ่งมีความผันผวนสูง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว
หุ้นเจซี เพนนีย์ พุ่งขึ้น 21.81% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2556 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ร่วงลง 1.5% ขณะที่หุ้นเซียส์ โฮลดิงส์ ดีดตัวขึ้น 3.8%