ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,168.03 จุด ร่วงลง 153.68 จุด หรือ -0.94% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,845.73 จุด ลดลง 13.72 จุด หรือ -0.74% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,277.30 จุด ลดลง 30.82 จุด หรือ -0.72%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงในยูเครน หลังจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทหารของรัสเซียได้เคลื่อนกำลังเข้าไปในคาบสมุทรไครเมียของยูเครน โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้รับไฟเขียวจากรัฐสภาให้ส่งทหารเข้าไปในไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตอนใต้ของยูเครนได้
ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้ส่งนายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ให้เดินทางไปยังกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนในวันอังคารนี้ เพื่อแสดงการสนับสนุนของสหรัฐต่อยูเครน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้วิกฤตการเมืองของยูเครนเลวร้ายลง ซึ่งได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังฉุดตลาดการเงินทั่วโลกให้อ่อนแรงลง และได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงทองคำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครนได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 57.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2553 หรือในรอบ 45 เดือน เมื่อเทียบกับ 53.7 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าการประเมินเบื้องต้นที่ 56.7
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยการบริโภคส่วนบุคคลในเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.ปี 2556 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะขยายตัว 0.1%
หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก และหุ้น 3M ร่วงลงอย่างน้อย 1.4% ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปรับลง 0.9% หุ้นวีซ่า ร่วงลง 2%
ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 2.3% และหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ปรับตัวลง 1.9%