ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,395.88 จุด พุ่งขึ้น 227.85 จุด หรือ +1.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,873.91 จุด เพิ่มขึ้น 28.18 จุด หรือ +1.53% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,351.97 จุด เพิ่มขึ้น 74.67 จุด หรือ +1.75%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากตึงเครียดในยูเครนส่งสัญญาณคลี่คลาย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สั่งการให้ทหารที่เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบเคลื่อนกำลังกลับฐาน นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ในขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่รัสเซียจะต้องส่งทหารบุกเข้ายูเครน
ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน และยังช่วยหนุนดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะ "โดดเดี่ยว" รัสเซียทั้งในด้านการทูตและเศรษฐกิจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัสเซียได้ปฏิเสธที่จะถอนกำลังทหารออกจากเขตปกครองตนเองไครเมียในยูเครน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายเยเรมี ไซเกล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากวาร์ตัน สคูล ออฟ ยูนิเวอร์ซิตี้ ในรัฐเพนซิลวาเนีย คาดการณ์ว่า ดัชนีดาวโจนส์จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 18,000 จุด หรือพุ่งขึ้น 10% เมื่อเทียบกับระดับปัจจุบัน อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน
หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 2.1% หลังจากมีรายงานว่าเฟซบุ๊กอาจจะเข้าซื้อกิจการบริษัทไททัน แอร์โรสเปซ มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์
หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.6%