ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 35.70 จุด เหตุวิตกตลาดแรงงานสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 6, 2014 06:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,360.18 จุด ลดลง 35.70 จุด หรือ -0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,873.81 จุด ลดลง 0.10 จุด หรือ -0.01% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,357.97 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด หรือ +0.14%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งน้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว

รายงานของ ADP ระบุว่า บริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงาน 1-49 คน มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 59,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ส่วนบริษัทขนาดกลางที่มีพนักงาน 50-499 คน มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 35,000 ตำแหน่ง และบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงาน 500 คนขึ้นไป จ้างงานเพิ่มขึ้น 44,000 ตำแหน่ง

มาร์ค แซนดี นักวิเคราะห์จากมูดีส์ อนาไลติกส์กล่าวว่า "ข้อมูลด้านแรงงานในเดือนก.พ.ซบเซาลงอย่างมาก โดยตัวเลขการจ้างงานในอุตสาหกรรมทุกประเภทชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวขึ้นเมื่ออากาศในสหรัฐเริ่มอบอุ่นขึ้น"

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.6%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการสหรัฐชะลอตัวลงสู่ระดับ 51.6 ในเดือนก.พ. จากระดับ 54.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีของเดือนก.พ.นั้นนับว่าต่ำสุดในรอบ 4 ปี

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.8% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศยูเครนอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการสำรวจน้ำมันของบริษัท ขณะที่หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ปรับตัวลง 1.2%

ส่วนหุ้นสมิธ แอนด์ เวสสัน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปืนรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 16% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเฟซบุ๊ก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ