ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,418.68 จุด ลดลง 34.04 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,334.45 จุด ลดลง 1.77 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,877.17 จุด ลดลง 0.87 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากกรมศุลากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนก.พ.2557 ร่วงลง 18.1% จากปีก่อน ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10.1% ส่งผลให้จีนมียอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ. 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2556 นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากนายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวในกรุงปารีสว่า การปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ของเฟด อาจเป็นไปในอัตราที่เชื่องช้าเกินไป
“การลดสัดส่วนในการซื้อสินทรัพย์ลงอย่างระมัดระวังเป็นการดำเนินการในแนวทางที่ถูกต้อง แต่อัตราการปรับลดดังกล่าวอาจจะทำให้เราล้าหลังแนวโน้มเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจยังคงมีการปรับตัวตามที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) คาดไว้" นายพลอสเซอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแตะ 116.39 จาก 115.99 ในเดือนม.ค.. ซึ่งส่งสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดกล่าวว่า ข้อมูลจ้างงานในเดือนก.พ.และการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องของดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน น่าจะช่วยผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐ
หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 1.3% หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน ยังคงสูญหายในระหว่างมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นทรีดี ซิสเต็มส์ ปรับตัวลง 5.1% ขณะที่หุ้นคลิฟส์ เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 3.8%