ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,340.08 จุด ลดลง 11.17 จุด หรือ -0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 16.14 จุด หรือ +0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,868.20 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ +0.03%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน หลังจากรัฐสภาของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียมีมติรับคำประกาศอิสรภาพจากยูเครน ซึ่งส่งสัญญาณว่าไครเมียจะกลายเป็นเอกราช หากชาวไครเมียประมาณ 2 ล้านคนลงคะแนนสนับสนุนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในการทำประชามติวันอาทิตย์นี้
ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ จะมีการลงประชามติซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ผู้นำในหลายประเทศได้ออกมาเตือนไครเมียว่า การลงคะแนนเสียงประชามติดังกล่าว จะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ส่วนรัฐบาลรักษาการของยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปนั้น ระบุว่า การจัดทำประชามติครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐได้กล่าวภายหลังจากจากที่ประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุคของยูเครน ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะยืนเคียงข้างยูเครน พร้อมระบุว่า การที่รัสเซียแทรกแซงกิจการของไครเมียนั้น ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่หุ้นกลุ่มเหมืองทองคำดีดตัวขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลก โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป และหุ้นแบร์ริค โกลด์ คอร์ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.6%
หุ้นอีพีแอล ออยล์ แอนด์ แก๊ซ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็กซ์ไอ (เบอร์มิวด้า) ตกลงซื้อกิจการของอีพีแอล ออล์ แอนด์ แก๊ซ มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์