ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 40.46 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 16,380.54 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 4.52 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 1,872.72 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 13.59 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 4,336.92 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 มี.ค. ลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 315,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556 ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 323,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน หลังจากมีรายงานว่าเขตปกครองตนเองไครเมียจะจัดให้มีการลงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะเดียวกันรัฐสภารัสเซียประกาศว่าจะจัดการอภิปรายในประเด็นที่ว่าจะรับสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศหรือไม่ ในวันที่ 21 มี.ค.นี้
ส่วนความเคลื่อนไหวของสหรัฐที่มีต่อสถานการณ์ยูเครนนั้น ล่าสุดประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดฉากรือร่วมกับนายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค รักษาการนายกรัฐมนตรียูเครน เพื่อที่จะขัดขวางการลงประชามติของไครเมีย ซึ่งต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย พร้อมกับเตือนว่าหากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินไม่ยอมถอยหลัง สหรัฐและบรรดาประเทศพันธมิตรจำเป็นจะต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัสเซียในกรณีที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และรุกล้ำดินแดนยูเครน