ดัชนีเฉลี่ยอุตาสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,336.19 จุด เพิ่มขึ้น 88.97 จุด หรือ +0.55% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,872.25 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด หรือ +0.72% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,333.31 จุด เพิ่มขึ้น 53.36 จุด หรือ +1.25%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับผู้นำรัสเซียที่ได้แถลงต่อสาธารณะผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์เมื่อวานนี้ว่า รัสเซียไม่ต้องการดินแดนส่วนอื่นของยูเครนอีก โดยระบุว่า "เราไม่ต้องการแบ่งแยกยูเครน"
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปูตินได้ลงนามในสนธิสัญญาเพื่อผนวกสาธารณรัฐไครเมียทางตอนใต้ของยูเครน และเมืองเซวาสโตโพลเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งเป็นการปูทางให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัสเซียให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาดังกล่าวต่อไป และเพื่อที่รัสเซียจะได้ผนวกดินแดนทั้งสองอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. เนื่องจากราคาอาหารและต้นทุนที่อยู่อาศัยปรับตัวขึ้น โดยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับเดือนม.ค. และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 0.2% มาอยู่ที่ 907,000 ยูนิตในเดือนก.พ. จากระดับ 909,000 ในเดือนม.ค. เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติได้ส่งผลให้การเริ่มโครงการก่อสร้างใหม่ๆหยุดชะงัก
ทั้งนี้ นักลงทุนหันเหความสนใจจากวิกฤตไครเมียมาที่การประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลาสองวันของเฟด ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้การนำของนางเจเน็ท เยลเลน
นอกจากเรื่องการลดวงเงินซื้อพันธบัตรรายเดือนแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูด้วยว่าเฟดจะเปลี่ยนแปลงการใช้วิธีส่งสัญญาณจาก Forward Guidance ไปเป็นการส่งสัญญาณเชิงคุณภาพมากขึ้นหรือไม่
หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 3.9% ขณะที่หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปรับตัวขึ้น 3.7%
ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ปรับตัวขึ้น 1.6%