ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,256.14 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,112.99 จุด เพิ่มขึ้น 33.24 จุด หรือ +0.81% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,851.96 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.38%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากหุ้นดังกล่าวร่วงลงและได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์และ NASDAQ ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยาฮู หุ้นอีเบย์ หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นกูเกิล พุ่งขึ้นกว่า 2.1%
ส่วนหุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเล็กน้อยเป็นขยายตัว 3.6% ในปี 2557 ซึ่งลดลง 0.1% จากการคาดการณ์เมื่อเดือนม.ค. เนื่องจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และความเสี่ยงเงินฝืดในยุโรป
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะอยู่ที่ 2.2% ในปี 2557 ซึ่งเท่ากับการคาดการณ์เมื่อเดือนม.ค. และคาดว่าจะขยายตัว 2.3% ในปี 2558 ขณะเดียวกันไอเอ็มเอฟได้ปรับทบทวนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.1% เป็นขยายตัว 1.2% ในปี 2557 และคาดว่าอัตราการขยายตัวของสหรัฐจะอยู่ที่ 2.8% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานก่อนหน้านี้
นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้ โดยนักลงุทนจับตาดูผลประกอบการภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าบริษัทต่างๆมีผลการดำเนินงานอย่างไรกันบ้างในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่อากาศหนาวรุนแรง
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการไตรมาสแรกขยายตัวขึ้น 1.1% และคาดว่ารายได้ของบริษัทกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี