ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงจากแรงขายทำกำไร แต่ได้แรงหนุนจากข้อมูลแรงงานสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 10, 2014 22:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนขานรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี

ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียงไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 18.43 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 16,418.75 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 3.68 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 1,868.50 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 13.04 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 4,170.86 จุด

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 180 จุดเมื่อวานนี้ อันเป็นผลมาจากรายงานการประชุมนโยบายของเฟดประจำวันที่ 18-19 มี.ค.ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเฟดจะไม่เร่งรีบในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายเห็นพ้องกันที่จะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยประเมินจากสถานการณ์ด้านการจ้างงาน ไม่ใช่ระบุเป้าหมายที่เป็นตัวเลข

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. ปรับตัวลง 32,000 ราย สู่ระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2550 หรือระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 320,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ร่วงลง 5.9% หลังจากบริษัทค้าปลีกรายนี้ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกลงมาอยู่ที่ระดับ 92-96 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.02 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ากำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 9 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่ผลประกอบการทั้งหมดอยู่ที่ 5.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงุทนจับตาดูผลประกอบการภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าบริษัทต่างๆได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวมากน้อยเพียงใด โดยเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการไตรมาสแรกขยายตัวขึ้น 1.1% และคาดว่ารายได้ของบริษัทกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ