ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 32.43 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ,จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 9, 2014 06:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และยอดส่งออกของจีนที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนตัวอย่างผันผวน โดยดัชนี S&P 500 และ ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,550.97 จุด เพิ่มขึ้น 32.43 จุด หรือ +0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,051.50 จุด ลดลง 16.17 จุด หรือ -0.40% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,875.63 จุด ลดลง 2.58 จุด หรือ -0.14%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ สำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของจีนปรับตัวขึ้น 0.9% แตะที่ 1.8854 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.8% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.845 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค. ลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 319,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 325,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงมุมมองเศรษฐกิจของคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งวุฒิสภาสหรัฐ โดยเน้นย้ำว่าเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษในปัจจุบันต่อไป และยังกล่าวด้วยว่า เฟดไม่มีกรอบเวลาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากช่วง 0-0.25% ในปัจจุบัน

หุ้นเทสลา มอเตอร์ส ร่วงลง 11.30% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่นักลงทุนวิตกกังวลหลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นชีต้าห์ โมบาย ซึ่งเป็นบริษัทโมบายอินเตอร์เน็ตของจีนที่นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ ปิดที่ระดับ 14.10 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคา IPO ที่ระดับ 14 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอาเมซอน และหุ้นอีเทรด ไฟแนนเชียล ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.5%

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ดิ่งลง 4.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2556 ขณะที่หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์ ร่วงลง 3.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ