ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 42.32 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 29, 2014 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,633.18 จุด ลดลง 42.32 จุด หรือ -0.25% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,225.07 จุด ลดลง 12.00 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,909.78 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.11%

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ โดยดัชนี S&P ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งมีการเปิดเผยในวันดังกล่าว

ขณะเดียวกันนักลงทุนจำนวนหนึ่งได้พากันปลีกตัวออกนอกตลาด ก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่การประมาณการครั้งแรกระบุว่า จีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2555 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ มีแต่เพียงรายงานของบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ที่ระบุว่า ภาคธนาคารของสหรัฐมีรายได้ลดลงมาแตะที่ 3.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2557 ลดลง 7.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลงอย่างมากของรายได้จากการอนุมัติสินเชื่อจำนองและรายได้จากการซื้อขาย

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นดอลลาร์ เจนเนอรัล ผู้ประกอบการร้านดิสเคาท์สโตร์รายใหญ่ ร่วงลง 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้น Lowe's ดิ่งลง 2.2% หลังจากถูกนักวิเคราะห์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 11% หลังจากนักวิเคราะห์ของโนมูระแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นทวิตเตอร์ หลังจากราคาหุ้นดังกล่าวดิ่งลงไปถึง 50% ในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ