หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ลบ 44.12 จุด หรือ 0.26% แตะที่ 16,699.51 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.58 จุด หรือ 0.29% แตะ 1,919.39 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับลง 18.21 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 4,218.99 จุด
ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ต่างปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระดับใหม่ในวันจันทร์ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ โดยมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 56.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 55.4 ในเดือนเม.ย. นับเป็นสัญญาณถึงการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจในภาคการผลิตโดยรวม
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 9.535 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนมี.ค.2552 และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 55.4 จาก 54.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
สำหรับในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า อัตราว่างงานจะขยับขึ้นแตะ 6.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบห้าปีครึ่งที่ 6.3% ในเดือนเม.ย.
ในส่วนของภาคธุรกิจนั้น บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายเดือนพ.ค.ตลอดทั้งวันนี้
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บวก 0.63% หลังบริษัทเปิดเผยในวันนี้ว่า ดีลเลอร์ของบริษัทส่งมอบรถยนต์ 284,694 คันในสหรัฐอเมริกาในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นยอดขายรวมที่ดีที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
ด้านไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี รายงานว่า ยอดขายรถในสหรัฐเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ซึ่งเป็นยอดขายเดือนพ.ค.ที่สูงที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2550