ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,722.34 จุด ลดลง 21.29 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,234.08 จุด ลดลง 3.12 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,924.24 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.04%
นักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังจากดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ทะยานขึ้นขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระดับใหม่ในวันจันทร์ เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 56.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 55.4 ในเดือนเม.ย. และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 55.4 จาก 54.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยนั้น ได้ช่วยหนุนตลาดเพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย. ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้น หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า อัตราว่างงานจะขยับขึ้นแตะ 6.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบห้าปีครึ่งที่ 6.3% ในเดือนเม.ย.
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) พุ่งขึ้น 1.15% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ดีลเลอร์ของบริษัทส่งมอบรถยนต์ 284,694 คันในสหรัฐอเมริกาในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นยอดขายรวมที่ดีที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 0.67% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์และรถบรรทุกในเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%
หุ้น Krispy Kreme ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมโดนัทชื่อดัง ร่วงลง 15% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงินปัจจุบันลงสู่ระดับ 69-74 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 79 เซนต์ต่อหุ้น