ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,921.46 จุด เพิ่มขึ้น 14.84 จุด หรือ +0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,359.33 จุด ลดลง 3.51 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,959.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.50 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1,959.87 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับการตัดสินใจของคณะกรรมการเฟดที่ระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน และเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวเร็วขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากสภาพอากาศหนาวรุนแรงได้ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาสแรก
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 มิ.ย. ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 313,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจในภาคการผลิตของเขตมิด-แอตแลนติก ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 17.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับของเดือนพ.ค.ที่ 15.4 สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตในภูมิภาคดังกล่าวของสหรัฐยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ
หุ้นแบล็คเบอร์รี่ พุ่งขึ้น 9.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นโค้ช อิงค์ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเป๋ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในอเมริกาเหนือ
หุ้นสตาร์บัค คอร์ป ปรับขึ้น 2.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอส เอจี ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว โดยยูบีเอสระบว่า สตาร์บัคเป็นหนึ่งในบริษัทอีกหลายแห่งของสหรัฐที่มีโอกาสที่จะเติบโตในระยะยาวในประเทศต่างๆ