หลังจากที่ตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 31.95 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 16,915.13 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.1% ที่ระดับ 1,961.46 จุด ณ เวลา 21.56 น. ตามเวลาประเทศไทย
ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวไร้ทิศทางหลังจากดัชนี S&P 500 ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,962.87 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ มาร์กิตเปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ในเดือนมิ.ย. โดยทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
รายงานของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 57.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค.
ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐเดือนมิ.ย.จะปรับตัวลงสู่ระดับ 56 จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค.
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. นับเป็นอีกสัญญาณของการปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลซื้อบ้านที่สำคัญของตลาดที่อยู่อาศัย
รายงานของสมาคมระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพ.ค. ที่ระดับ 4.89 ยูนิต จาก 4.66 ยูนิตในเดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการประเมินของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.75 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความรุนแรงในอิรัก หลังจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานโดยอ้างคำพูดของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่า กองกำลังของรัฐบาลสามารถเข้าควบคุมจุดผ่านแดนหลายแห่งระหว่างอิรัก จอร์แดน และซีเรียที่ถูกกลุ่มหัวรุนแรงบุกเข้ายึดกลับคืนมาได้แล้ว
หุ้นอินติกรีส เอ็นเนอจี กรุ๊ป อิงค์ พุ่งขึ้น 14% หลังจากบริษัทวิสคอนซิน เป็นเนอจี คอร์ป ตกลงจะจ่ายเงินให้กับบริษัทเป็นจำนวน 5.7 พันล้านดอลลาร์
หุ้นไมโคร ซิสเท็มส์ เพิ่มขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทออราเคิล คอร์ป เสนอซื้อกิจการของบริษัทในราคาหุ้นละ 68 ดอลลาร์