ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,937.26 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.06% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,368.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,962.61 จุด ลดลง 0.26 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 57.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่สู่ระดับ 56
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพ.ค.สู่ระดับที่ระดับ 4.89 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4.75 ล้านยูนิต และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก้เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศปรับตัวขึ้นแตะ +0.21 ในเดือนพ.ค. จาก -0.15 ในเดือนเม.ย.
หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.1% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลฝรั่งเศสประกาศเข้าซื้อหุ้น 20% ของบริษัทอัลสตอม ส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัทด้านวิศวกรรมรายใหญ่ของประเทศ และปูทางไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทจีอีของสหรัฐ
หุ้นไมครอส ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทรายงานว่าบริษัทออราเคิล คอร์ป เสนอซื้อหุ้นในไมครอส ซิสเต็มส์ มูลค่าหุ้นละ 68 ดอลลาร์