ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 341.94 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,460.60 จุด ลดลง 57.74 จุด หรือ -1.28% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,867.75 จุด ลดลง 70.33 จุด หรือ -0.71% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,733.62 จุด ลดลง 53.45 จุด หรือ -0.79%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานว่า จีดีพีขั้นสุดท้ายในช่วงไตรมาส 1/2557 หดตัวลง 2.9% ซึ่งเป็นการหดตัวลงที่อย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2552 หรือในรอบ 5 ปี เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติทำให้ผู้บริโภคไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะที่สถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดทำการ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยการประมาณการครั้งแรกของจีดีพีไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่าขยายตัว 0.1% จากนั้นในเดือนพ.ค. ก็ได้เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีไตรมาส 1/2557 โดยระบุว่าหดตัว 1%
นอกจากนี้ วิกฤตการณ์รุนแรงในอิรักยังคงเป็นปัจจัยลบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรป โดยรายงานล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คนแล้ว นับตั้งแต่กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนท์ (ISIL) รวมถึงพันธมิตร มีการเคลื่อนไหวในประเทศอิรักในช่วงต้นเดือนมิ.ย.
ด้านสำนักข่าวอิรักกิยาของรัฐบาลอิรักรายงานเมื่อวานนี้ว่า กองกำลังพิเศษของอิรักได้สังหารแกนนำกลุ่มกบฎที่บุกเข้ายึดโรงกลั่น และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศได้ทำให้กลุ่มกบฎเสียชีวิต 19 ราย
หุ้นจีดีเอฟ ซูส ร่วงลง 2.3% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลฝรั่งเศสได้ขายหุ้น 3.1% ที่ถืออยู่ในบริษัท ส่งผลให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ 33.6% เนื่องจากรัฐบาลต้องการระดมทุนเพื่อซื้อหุ้นในบริษัทอัลสตอม
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอัลสตอมปรับตัวขึ้น 0.7%
ส่วนหุ้นคาร์ฟูร์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2557 และจากข่าวที่ว่าคาร์ฟูร์จะซื้อบริษัท Distribuidora Internacional de Alimentacion ในฝรั่งเศสกลับคืนมา