ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,100.18 จุด พุ่งขึ้น 123.37 จุด หรือ +0.73% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,432.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.70 จุด หรือ +1.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.22 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +1.03%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.9% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 0.5% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 0.4% อันเนื่องมาจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากข่าวที่ว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ได้ถูกยิงตกในยูเครน ใกล้กับชาวแดนของรัสเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารเกือบ 300 คนเสียชีวิตทั้งหมด นอกจากนี้ ตลาดยังผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในฉนวนกาซา
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากหุ้นกูเกิล อิงค์ ที่พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากนายแลร์รี เพจ ซีอีโอของกูเกิลได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่บนบริการโทรศัพท์มือถือ วีดิโอ และเว็บ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานในด้านการตลาด และเพื่อเสริมฐานธุรกิจของกูเกิลให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ หุ้นกูเกิลยังได้รับแรงบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนคลิกเพื่อดูโฆษณาบนยูทูบและกูเกิลเสิร์จ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% ในไตรมาส 2 ปีนี้
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังจากที่ถูกกระหน่ำขายเมื่อวันพฤหัสบดี อันเนื่องมาจากข่าวเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ หุ้นสปิริท แอร์ไลน์ และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2%
หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 2.60% หลังจากบริษัท AbbVie ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์อีกรายหนึ่งนั้น ประกาศบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของไชร์ มูลค่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กแทบจะไม่ได้รับแรงกดดันจากรายงานของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในช่วงต้นเดือนก.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับ 81.3 จากช่วงท้ายเดือนมิ.ย.ที่ 82.5 ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาล่าสุดนี้อยู่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 83.0