ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 24.66 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 17,007.25 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.93 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 1,981.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 10.56 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 4,455.47 จุด
หุ้นเมอร์ก แอนด์ โค ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 85 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวขึ้น 0.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน
หุ้นวินด์สตรีม โฮลดิ้งส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 23% หลังจากบริษัทเผยว่าจะกระจายสินทรัพย์บางส่วนสู่กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความซบเซาของข้อมูลด้านตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ โดยในวันนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งขยายตัวช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ 10.8% นอกจากนี้ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.ยังขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2556 และขยายตัวได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 10%