ดัชนี FTSE 100 ลดลง 43.33 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 6,730.11 จุด
หุ้นเวียร์ กรุ๊ป ลดลง 3.8% หลังจากเปิดเผยรายได้ที่ปรับตัวลดลงจากปีก่อน และคาดว่ารายได้ของบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
หุ้นธนาคารลอยด์ ร่วงลง 2.8% หลังจากเปิดเผยว่ามีกำไรก่อนหักภาษีลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี
หุ้นเชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ดีดตัวขึ้นขึ้น 2.5% หลังจากเปิดเผยรายได้ประจำไตรมาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียยุติการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน
ทั้งนี้ อียูมีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายลงในยูเครน รวมถึงกรณีที่รัสเซียยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
การคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้ ครอบคลุมถึงการไม่ให้รัสเซียสามารถเข้าถึงการระดมทุนจากธนาคารและเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งรวมถึงการห้ามไม่ให้ธนาคารของรัฐบาลรัสเซียทำการขายหุ้นหรือพันธบัตรในยุโรป พร้อมกับคุมเข้มการส่งออกอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการปรับปรุงอุตสาหกรรมน้ำมันให้ทันสมัย ซึ่งอุตสาหกรรมน้ำมันถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจรัสเซีย นอกจากนี้ อียูยังได้ระงับสัญญาการขายอาวุธฉบับใหม่ให้กับรัสเซีย รวมทั้งระงับการส่งออกเครื่องจักร ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิก และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับยุทธปัจจัยทางทหารด้วย