หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ขยับลง 11.36 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 16,551.94 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.92 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 1,927.75 จุด และดัชนี Nasdaq ลบ 4.37 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 4,365.40 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 298,000 ตำแหน่งในเดือนก่อน ซึ่งเป็นเดือนที่หกติดต่อกันที่ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ อัตราว่างงานขยับขึ้นแตะ 6.2% ในเดือนก.ค. จาก 6.1% ในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานเดือนก.ค.ผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยตลาดคาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานจะทรงตัว
ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อคืนนี้ที่ร่วงลงอย่างหนัก โดยดาวโจนส์ร่วงลง 1.88% ดัชนี S&P500 ร่วง 2.00% และดัชนี Nasdaq ร่วง 2.09% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ รวมถึงข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลอาร์เจนตินา และตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี
สำหรับในวันนี้ นอกจากตัวเลขจ้างงานที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอีกหลายรายการ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลและรายได้ส่วนบุคคล ต่างเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
ด้านสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 55.3 ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขเดือนล่าสุดนั้นเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2554
ส่วนมาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนก.ค.ของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 55.8 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 56.3 และต่ำกว่าระดับ 57.3 เดือนมิ.ย.