ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,443.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.87 จุด หรือ +0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,355.05 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,920.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด หรือ +0.00%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากที่มีรายงานว่ารัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารในบริเวณชายแดนยูเครน ก่อให้เกิดความกังวลว่ารัสเซียอาจบุกเข้ายูเครน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ลงในกฎหมายการสั่งห้าม หรือ จำกัด การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากประเทศต่างๆที่คว่ำบาตรรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาและเคลื่อนไหวในแดนบวกจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.154 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ยอดนำเข้าลดลง 1.2% แตะ 2.3740 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกขยับขึ้น 0.1% แตะ 1.9586 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นสปรินท์ ร่วงลง 19% ขณะที่หุ้นที-โมบาย ดิ่งลง 8.4% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทสปรินท์ คอร์ป ได้ยุติการเสนอซื้อกิจการที-โมบาย ยูเอส อิงค์ เนื่องจากสปรินท์ประสบปัญหาในการขออนุมัติจากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลของสหรัฐ
หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ร่วงลง 13% หลังจากมีรายงานว่าบริษัททเวนตี้ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ได้ถอนตัวออกจากการเทคโอเวอร์กิจการไทม์ วอร์เนอร์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฟ็อกซ์พุ่งขึ้น 3.3%
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากธนาคารได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเป็น 5 เซนต์ต่อหุ้น และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้น หลังจากที่ได้รับอนุมัติแผนการจัดการเงินทุนประจำปี 2557 จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้สหรัฐจะเปิดเผยรายงานประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2557 และรายงานสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมิ.ย.