ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,031.14 จุด เพิ่มขึ้น 43.63 จุด หรือ +0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,984.13 จุด ลดลง 1.41 จุด หรือ -0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,518.90 จุด ลดลง 48.70 จุด หรือ -1.07%
ทั้งนี้ แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดตลาดอ่อนแรงลงท่ามกลางภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบผลการประชุมเฟด โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับจับตาดูแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเฟดเปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของสหรัฐหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. นับเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวที่ยังไม่ต่อเนื่อง
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนที่บริษัทอาลีบาบาจะเสนอขายหุ้น IPO ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดี และจะเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ "BABA"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากตลาดปิดทำการแล้ว บริษัทอาลีบาบาได้เปิดเผยช่วงราคาหุ้น IPO ที่ระดับ 66-68 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มจากระดับที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ระดับ 60-66 ดอลลาร์
หุ้นเฟซบุ๊ก หุ้นทวิตเตอร์ และหุ้นทริปแอดไวเซอร์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.5% เนื่องจากนักลงทุนเทขายก่อนที่บริษัทอาลีบาบาจะเสนอขายหุ้น IPO
หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 1% จากข่าวที่ว่าไมโครซอฟท์ตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัท Mojang AB ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟท์และเป็นผู้ผลิตเกมชื่อดังอย่าง Minecraft มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะหนุนธุรกิจเอ็กซ์บอกซ์และโมบาย