ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,210.06 จุด เพิ่มขึ้น 154.19 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,555.22 จุด เพิ่มขึ้น 46.53 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,998.30 จุด เพิ่มขึ้น 15.53 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ในเดือนส.ค.จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 504,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4% ในเดือนดังกล่าว
ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เพิ่งเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนส.ค. ลดลง 1.8% สู่ระดับ 5.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.20 ล้านยูนิต
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคทะยานขึ้น รวมถึงหุ้นวอล-มาร์ท ปรับขึ้น 2% ขณะที่หุ้นกรีน ดอท พุ่งขึ้น 24% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้
หุ้นเบธ บาธ แอนด์ บียอนด์ พุ่งขึ้น 7.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ปรับขึ้น 0.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเมดโทรนิก ปรับตัวลง 0.5% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า กระทรวงการคลังสหรัฐได้กฎระเบียบใหม่เพื่อจัดการกับบริษัทเอกชนที่ต้องการลดภาระการจ่ายเงินภาษี (tax inversion) ด้วยการย้ายสำนักงานใหญ่ของบริษัทไปในประเทศที่จัดเก็บภาษีในอัตราต่ำกว่า
ทั้งนี้ คาดว่ากฎระเบียบใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐหลายแห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ รวมถึงบริษัทเมดโทรนิก ที่กำลังยื่นขอซื้อกิจการบริษัทโควีเดียน ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จากไอร์แลนด์ และแผนการควบรวมกิจการของเบอร์เกอร์คิง เวิลด์ไวด์ และทิม ฮอร์ตันส์ ซึ่งเป็นเชนกาแฟและโดนัทของแคนาดา
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.