หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 67 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 17,076 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 6 จุด หรือ 0.3% ที่ระดับ 1,974 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 15 จุด หรือ 0.3% มาอยู่ที่ 4,490 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดประเมินว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีความแข็งแกร่ง และนักลงทุนอาจจะเริ่มเข้าซื้อหุ้นที่มีการปรับฐานอย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ หลังจากมีแรงเทขายทำกำไรในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดกันว่าตลาดจะมีการแกว่งตัวมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่โครงการซื้อพันธบัตรของเฟดจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ และนักลงทุนต่างก็จับตาดูกรอบเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มเปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ดพุ่งขึ้น 4% หลังบริษัทเปิดเผยว่าจะแยกธุรกิจออกเป็น 2 บริษัท โดยจะแยกธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(พีซี) และพรินเตอร์ ออกจากธุรกิจฮาร์ดแวร์และบริการ ส่วนหุ้นแคร์ฟิวชัน คอร์ปทะยานขึ้น 23% เนื่องจากเบคตัน, ดิกคินสัน แอนด์ โค ตกลงที่จะซื้อกิจการของบริษัทเป็นมูลค่า 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาประเทศไทย รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเอกชนของสหรัฐ โดยอัลโค อิง ซึ่งเป็นบริษัทอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะประเดิมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นรายแรกในวันพุธนี้