หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นานนัก ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 138 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 16,854 จุด ดัชนี S&P 500 ลบ 13 จุด หรือ 0.7% ที่ระดับ 1,951 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 34 จุด หรือ 0.8% มาอยู่ที่ 4,421 จุด
หุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรปที่ร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ หลังจากที่กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของเยอรมนีร่วงลง 4% จากเดือนก.ค. ที่ขยายตัว 1.6% นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 5 ปี
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่น่าผิดหวังก่อนหน้านี้ โดยกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเพิ่งรายงานวานนี้ว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีในเดือนส.ค.หดตัวลง 5.7% โดยร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2552 เช่นกัน และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 2.5% ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคจะชะลอตัวลงในไตรมาสสาม
ขณะที่ในวันนี้ ก่อนเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่นาน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 สู่ระดับ 3.3% และปี 2558 สู่ระดับ 3.8% ซึ่งลดลง 0.1% และ 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค. ตามลำดับ
ไอเอ็มเอฟให้เหตุผลถึงการปรับลดคาดการณ์ว่า เป็นเพราะความอ่อนแอในยูโรโซน และการชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่หลักๆหลายแห่ง
ล่าสุด ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลดลง 1.4%
แม้เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นในช่วงปีนี้ แต่นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวในภูมิภาคอื่นๆ ตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงจีนและญี่ปุ่น อาจส่งผลมาถึงสหรัฐได้ และแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐเตรียมที่จะใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดในไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆกลับมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีก เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในประเทศของตน
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาประเทศไทย รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเอกชนของสหรัฐ โดยอัลโค อิง ซึ่งเป็นบริษัทอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ จะประเดิมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นรายแรกในวันพุธนี้ ส่วนบริษัทอื่นๆที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึง ยัม! แบรนด์ส และเป๊ปซี่โค