ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 45.98 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 16,948.24 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.75 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,963.14 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 13.41 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 4,455.19 จุด
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อวานนี้ ภายหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งระบุว่า "สัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance) ของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) นั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหลังจากโครงการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลง" ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวล และต่างก็คาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 สู่ระดับ 3.3% และปี 2558 สู่ระดับ 3.8% ซึ่งลดลง 0.1% และ 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค. ตามลำดับ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กแทบจะไม่ได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 4 ต.ค. ปรับตัวลดลง 1,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย ซึ่งใกล้กับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินในปี 2550-2552
หุ้นแก็ป อิงค์ ดิ่งลง 11% หลังจากยอดขายเดือนก.ย. ออกมาน่าผิดหวัง และข่าวซีอีโอที่เตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง ขณะที่หุ้นแอดวานเซ็ด ไมโคร ดีไวเซส ร่วงลง 6.3% จากการแต่งตั้งประธานบริหารคนใหม่ก่อนเผยผลประกอบการ
หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.2% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 31 เซนต์ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 23 เซนต์ ขณะที่รายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 6.24 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.85 พันล้านดอลลาร์