หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ขยับลง 0.23 จุด แตะที่ 17,390.29 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.71 จุด หรือ 0.08% ที่ระดับ 2,019.76 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 6.62 จุด หรือ 0.14% มาอยู่ที่ 4,637.36 จุด
ตลาดมีการปรับตัวไม่มากนักในช่วงเปิดตลาด ขณะที่นักลงทุนต่างพิจารณาข้อมูลภาคการผลิตจากหรัฐและต่างประเทศเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดรายงานในคืนนี้ มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐได้ชะลอตัวลง
ส่วนสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย. โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีจะลดลงมาอยู่ที่ราว 56.0
ทางด้านภูมิภาคยูโรโซนนั้น มาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 50.6 จากระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนที่ 50.3 ในเดือนก.ย. แต่ขยับลงจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนต.ค.ที่ระดับ 50.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเข้าใกล้ภาวะชะงักงัน
ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้มีการถอนเม็ดเงินลงทุนออกจากหุ้นสหรัฐในช่วงต้นเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่สดใสของภาคเอกชนสหรัฐ, ข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวก และการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำที่ทำไว้เมื่อกลางเดือนต.ค.