ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,383.84 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด หรือ +0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,623.64 จุด ลดลง 15.27 จุด หรือ -0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.10 จุด ลดลง 5.71 จุด หรือ -0.28%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากรายงานข่าวที่ว่า การปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ และจากข่าวที่ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 7.6% แตะที่ 4.303 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากยอดส่งออกร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.8% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.21%
ส่วนหุ้นอาลีบาบาพุ่งขึ้น 4.19% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด เพราะได้แรงหนุนจากธุรกิจค้าปลีกออนไลน์และจำนวนผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. และดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)