(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 18.05 จุด ขณะนลท.ชะลอซื้อขาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 17, 2014 06:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างทรงตัวเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดขยับลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นครั้งที่หกในรอบเจ็ดวันทำการที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการเข้าลงทุน หลังจากที่ตลาดเคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ และทำสถิติใหม่หลายครั้งในรอบสัปดาห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดลง 18.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 17,634.74 จุด ดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 0.49 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,039.82 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 4,688.54 จุด

สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.3% และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งทั้งสองดัชนีต่างเดินหน้าขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สี่ ส่วน NASDAQ พุ่ง 1.2% โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ห้าในวันศุกร์ และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2543

ภาวะการซื้อขายในวันศุกร์ค่อนข้างเงียบเหงา โดยถึงแม้ว่ามีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมที่เป็นบวก แต่นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์นั้นมีอยู่หลายรายการด้วยกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% นับเป็นสัญญาณสดใสที่บ่งชี้ว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมันช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ในขณะที่สหรัฐกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายซื้อของเนื่องในเทศกาลวันหยุด

กระทรวงพาณิชย์รายงานในวันเดียวกันว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ขณะที่ยอดขายของภาคธุรกิจแทบไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ผลสำรวจโดยทอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นแตะที่ระดับ 89.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ด้านกระทรวงแรงงานเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าของสหรัฐลดลง 1.3% ในเดือนต.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลง ขณะที่ราคาส่งออกลดลง 1.0%

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นลงระหว่างแดนบวกและลบในระหว่างวัน และสามารถปิดปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้หลายครั้ง ขณะที่นักลงทุนพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการประเมินราคาหุ้น เพื่อใช้เป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจในการเข้าลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้สร้างแรงกดดันให้หุ้นของบริษัทพลังงาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ