ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,852.48 จุด ร่วงลง 106.31 จุด หรือ -0.59% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,740.69 จุด ลดลง 40.07 จุด หรือ -0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,060.31 จุด ลดลง 15.06 จุด หรือ -0.73%
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน และส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงด้วย หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลงมากกว่า 2.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายหลังจากมีรายงานว่า อิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่มโอเปค ได้ประกาศลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าในประเทศเอเชียและสหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.67% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.26% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ปรับตัวลง 3.4% ส่วนหุ้นเดนเบอรี รีซอสเซส และหุ้นเอ็นส์โค ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 6.7% นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีนและญี่ปุ่น ยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า การส่งออกของจีนในเดือนพ.ย.ขยายตัว 4.7% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 2.1166 แสนล้านดอลลาร์ โดยอัตราการขยายตัวดังกล่าวชะลอลงเมื่อเทียบกับ 11.6% ในเดือนต.ค.และ 15.3% ในเดือนก.ย. ส่วนการนำเข้าหดตัวลง 6.7% สู่ระดับ 1.5719 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปี 2557 หดตัวลง 1.9% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ประมาณการไว้เบื้องต้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ว่าปรับตัวลง 1.6%
หุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 3.84% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ายอดขายเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลง 2.2% ในเดือนพ.ย.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนต.ค. ส่วนวันพฤหัสบดี จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และในวันศุกร์ จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน