หลังจากที่ตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 111.93 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 17,484.41 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.5% ที่ระดับ 2,024.25 จุด ณ เวลา 22.21 น. ตามเวลาประเทศไทย
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและภาวะเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป ถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนพ.ย. ขยายตัว 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 7.7% ในเดือนต.ค. และ 8% ในเดือนก.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปีในเดือนธ.ค. อันเนื่องมาจากการปรับตัวดีขึ้นของภาวะการจ้างงานและเงินเดือนท่ามกลางการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวขึ้นแตะ 93.8 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2550 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 89.5
นักวิเคราะห์ระบุว่า มูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์จากปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของภาวะเศรษฐกิจโลก
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 2.2% ในสัปดาห์นี้ นับเป็นสถิติการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์สูงที่สุดในรอบ 2 เดือน
หุ้นเมเมทไลฟ์ อิงค์ ลดลง 2.7% หลังจากมีความเคลื่อนไหวในการเพิ่มทุนสำรองรอบใหม่ เนื่องจากคาดว่าเจ้าหน้าที่จะบังใช้กฎระเบียบทุนสำรองที่เข้มงวดมากขึ้น