ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,356.87 จุด พุ่งขึ้น 288.00 จุด หรือ +1.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,644.31 จุด เพิ่มขึ้น 96.48 จุด หรือ +2.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.89 จุด เพิ่มขึ้น 40.15 จุด หรือ +2.04%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากมติการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้น มาจากราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3% ขณะที่หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 10% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์พุ่งขึ้น 9.3% ส่วนหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้น 8.5%
หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 3.3% แต่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส ดิ่งลง 1.32%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. และผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย