ดัชนี FTSEurofirst 600 ดีดตัวขึ้น 1.4% ในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืดในยูโรโซน
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ -0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ย.
ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนที่แล้วถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2009 และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ CPI ยูโรโซนอยู่ในระดับติดลบ ส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจจะตัดสินใจขยายขอบเขตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ในการซื้อขายวันนี้ หลังจากเปิดตลาดช่วงปีใหม่อย่างซบเซา ขานรับตลาดแรงงานที่สดใสของสหรัฐ และรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่า เฟดจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 263.11 จุด หรือ 1.49% สู่ระดับ 17,847.95 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวันนี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งใหม่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้สัญญาณตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 294,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 290,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ปรับตัวลง 250 ราย สู่ 290,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลา 17 สัปดาห์ติดต่อกัน
ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.2014 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย ขณะเดียวกัน ADP ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.สู่ระดับ 227,000 ราย จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 208,000 ราย
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
รายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 16-17 ธ.ค.ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงช่วงขาลงที่อาจจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
รายงานเฟดระบุว่า เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความเสี่ยง หากการลดลงของราคาน้ำมันได้ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงต่อตลาดการเงินทั่วโลก หรือหากไม่มีการรับมือด้านนโยบายอย่างเพียงพอ
เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ประเมินว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่คณะกรรมการเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมกำหนดนโยบายในเร็วๆนี้