ณ เวลา 18.30 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 52 จุด หรือ 0.3% อยู่ที่ระดับ 17,623 จุด
เมื่อวานนี้ อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแรกในตลาดวอลล์สตรีทที่เปิดเผยผลประกอบการในฤดูกาลนี้ แถลงว่ากำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว อยู่ที่ 33 เซนต์ ขณะที่รายได้พุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 6.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
การปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าส่งสัญญาณว่าตลาดวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวสู่แดนบวกวันนี้ หลังจากร่วงลงในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 0.5% เมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์ ภายหลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.8% ซึ่งปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กดิ่งลงเกือบ 3 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ลงสู่ระดับ 47.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากคาดการณ์เดิมที่ 73.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้า ลงเหลือ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในเดือนพ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.,การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน