ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,427.09 จุด ร่วงลง 186.59 จุด หรือ -1.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,639.32 จุด ลดลง 22.18 จุด หรือ -0.48% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,011.27 จุด ลดลง 11.76 จุด หรือ -0.58%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและประเทศทั่วโลก รวมทั้งผลประกอบการที่ย่ำแย่ของภาคธนาคารสหรัฐ
เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยกำไรลดลง 6.6% ในไตรมาส 4/2557 อันเนื่องมาจากการที่ธนาคารมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์จากการที่รัฐบาลสหรัฐเข้าตรวจสอบกรณีที่ทางธนาคารทำผิดกฎระเบียบ นอกจากนี้ เจพี มอร์แกนยังต้องกันสำรองหนี้เสียเป็นจำนวนเงินสูงขึ้นด้วย
ด้านธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3% ซึ่งลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิ.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเผชิญอุปสรรคต่างๆที่สกัดผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ร่วงลง 0.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากราคาพลังงานที่ทรุดตัวลง โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2008
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของเจพีมอร์แกนได้ฉุดหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง 1.4% โดยหุ้นเจพีมอร์แกนดิ่งลง 3.45% ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.2%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยเฉพาะทองแดงที่ดิ่งลงไปถึง 5.3% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ร่วงลง 11% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการโลหะปรับตัวลงด้วย
สหรัฐจะเปิดเผข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนม.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย