ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,191.37 จุด ร่วงลง 195.84 จุด หรือ -1.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,637.99 จุด ลดลง 43.51 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,002.16 จุด ลดลง 27.39 จุด หรือ -1.35%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ลงมติในการประชุมครั้งล่าสุด ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 10-0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% อย่างน้อยจนถึงกลางปีนี้
คริส โลว์ นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ถ้อยแถลงของเฟดบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากช่วงกลางปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่เฟดประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นการประเมินที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่เฟดใช้คำว่า "ขยายตัวในอัตราปานกลาง" ในปีที่แล้ว ขณะที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอัตราว่างงานได้ลดต่ำลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้
นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กยังได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงรุนแรงถึง 3.87% โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 5.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาดถึง 2.54 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 5.65% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.06 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่ยอดขายไอโฟนพุ่ง 46% แตะ 74.5 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., ตัวเลขประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2557, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน