ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 372.51 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,703.30 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,905.41 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,865.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1%
หุ้นเร็กแซม ทะยานขึ้น 20% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทบอลล์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระป๋องบรรจุเครื่องดื่ม เสนอซื้อกิจการของเร็กแซมเป็นเงินมูลค่า 610 เพนซ์ต่อหุ้น
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นซาโนฟี พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นแอสตราเซเนกา ทะยานขึ้น 3.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2557 ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลงและเงินยูโรที่อ่อนค่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนเป็นขยายตัว 1.3% ในปี 2558 และ 1.9% ในปี 2559 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 1.1% และ 1.7% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากมีรายงานว่าการเจรจาระหว่างรมว.คลังของกรีซและเยอรมนีไม่มีความคืบหน้า โดยนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมัน ได้แสดงจุดยืนต่อนายยานิส วารูเฟกิส รมว.คลังกรีซ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง แต่กลับสร้างภาระให้กับประเทศอื่น