ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 373.31 จุด และปรับตัวขึ้น 1.7% ตลอดทั้งสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นประเทศชั้นนำของยุโรปปรับตัวลดลง โดยดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 12.27 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 4,691.03 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันลดลง 59.02 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 10,846.39 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 12.49 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 6,853.44 จุด
ดัชนีหุ้นยุโรปได้ปรับตัวลดลงไปถึง 0.4% ในช่วงแรกของการซื้อขาย เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในกรีซ ในขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลและเจ้าหนี้ต่างประเทศยังไม่คืบ
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 257,000 รายในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นที่ราว 230,000 ราย โดยตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค.ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย
ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนในยุโรปขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ออกมาดีมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร อันจะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกในยุโรป
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกรีซ โดยล่าสุดนายยานิส วารูเฟกิส รมว.คลังกรีซ ได้เดินทางกลับถึงกรุงเอเธนส์แล้ว โดยไม่ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ชาติยุโรปเห็นพ้องกับความต้องการของกรีซในการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด และทำการปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้ ประเทศต่างๆที่นายวารูเฟกิสเดินทางเยือนในสัปดาห์นี้ แม้แต่ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งเป็นรัฐบาลฝ่ายซ้ายเหมือนกับกรีซ ต่างก็ยืนกรานให้กรีซปฏิบัติตามข้อผูกพันที่ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ขณะที่คัดค้านการปรับลดหนี้ให้แก่กรีซ
บรรดารัฐมนตรีคลังของยูโรโซนจะจัดการประชุมพิเศษในวันที่ 11 ก.พ. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินต่อกรีซ ขณะที่เตรียมการสำหรับผู้นำของ EU ที่จะเจรจาในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 12 ก.พ.