ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,729.21 จุด ลดลง 95.08 จุด หรือ -0.53% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,726.01 จุด ลดลง 18.39 จุด หรือ -0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.74 จุด ลดลง 8.73 จุด หรือ -0.42%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซ หลังจากที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศกร้าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ของกรีซจะยังคงจุดยืนคัดค้านการใช้มาตรการรัดเข็มขัด และจะไม่เรียกร้องให้มีการขยายโครงการรับเงินช่วยเหลือซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.
ถ้อยแถลงของนายซิปราสได้สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรโซน โดยนายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เตือนว่า กรีซอย่าได้คาดหวังว่ายูโรโซนจะยอมโอนอ่อนต่อข้อเรียกร้องในการยุติมาตรการรัดเข็มขัด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกลดลง 3.2% แตะที่ 1.23 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 19.7% แตะที่ 8.60 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าพุ่งขึ้น 87.5% แตะที่ 3.669 แสนล้านหยวน
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง โดยหุ้นแมคเคนเซน และหุ้นเอ็ดเวิร์ดส์ ไลฟ์ซายส์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นโนเบิล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5.9%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมวาระพิเศษของรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนในวันที่ 11 ก.พ. โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินต่อกรีซ ขณะที่เตรียมการสำหรับผู้นำของอียูที่จะเจรจาในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 12 ก.พ.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค., ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.,ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน