ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 370.55 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,651.08 จุด ลดลง 39.95 จุด หรือ -0.85% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,663.51 จุด ลดลง 182.88 จุด หรือ -1.69% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,837.15 จุด ลดลง 16.29 จุด หรือ -0.24%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์กรีซ หลังจากนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศกร้าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ของกรีซจะยังคงจุดยืนคัดค้านการใช้มาตรการรัดเข็มขัด และจะไม่เรียกร้องให้มีการขยายโครงการรับเงินช่วยเหลือซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.
ทั้งนี้ ผู้นำกรีซอ้างว่า จุดยืนยืนในการคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดและการไม่ขยายโครงการรับเงินช่วยเหลือนั้น ถือเป็นจุดยืนของประชาชน ซึ่งรัฐบาลไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้มีการขยายมาตรการรัดเข็มขัดหรือรับเงินช่วยเหลือ พร้อมกับกล่าวว่า เป้าหมายหลักของรัฐบาลกรีซคือกอบกู้ศักดิ์ศรีของประชาชนชาวกรีซให้กลับคืนมา
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง โดยหุ้นเรโนลท์ หุ้นเปอร์โยต์ หุ้นโฟล์สวาเก้น และหุ้น BMW ต่างก็ร่วงลงกว่า 3%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาร์ส ร่วงลง 3.1% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ดิ่งลง 1.6% หุ้นบังคา ซานตานเดร์ และหุ้นบังโค บิลบาว วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ร่วงลงกว่า 2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปคได้ปรับลดคาดการณ์อุปทานน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้ โดยหุ้นเกล็นคอร์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นริโอทินโต ปรับขึ้น 2.2% หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นบีจี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3% และหุ้นสแตทออยล์ เอเอสเอ ทะยานขึ้น 4.4%