ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,029.85 จุด ลดลง 17.73 จุด หรือ -0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,906.36 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.68 จุด ลดลง 0.66 จุด หรือ -0.03%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง ร่วงลง 7.5%
ส่วนหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.2% หลังจากมีรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันของเอ็กซอน ใกล้กับลอสแองเจลิส นอกจากนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรนน์ บัฟเฟตต์ ได้ถอนการลงทุนออกจากเอ็กซอนมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันร่วงลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนม.ค.ที่ร่วงลง 2% สู่ระดับ 1.065 ล้านยูนิต และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดิ่งลง 0.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาพลังงานที่ทรุดตัวลง ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อระดับต่ำในระยะใกล้นี้
หุ้นฟอสซิล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับอื่นๆ ร่วงลง 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานการประชุมของเฟดที่ระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนได้แสดงความกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วเกินไปอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปในเวลาที่นานขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี รายงานการประชุมของเฟดได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2% และหุ้นโคเมริกา อิงค์ ดิ่งลง 2.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.พ.เฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.พ.