ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,662.94 จุด ร่วงลง 332.78 จุด หรือ -1.85% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,044.16 จุด ลดลง 35.27 จุด หรือ -1.70% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,859.79 จุด ลดลง 82.65 จุด หรือ -1.67%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.32% แตะที่ 94.559 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2546 โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด
ขณะที่สกุลเงินยูโรดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากการที่ ECB ดำเนินมาตรการผ่อนคลายสภาพคล่อง (QE) ด้วยการซื้อพันธบัตร 6 หมื่นล่านยูโรในเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเงินของกรีซ โดยกรีซจะเสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจต่อสหภาพยุโรป (EU), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พิจารณาในวันพุธ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางกลุ่มเจ้าหนี้ยังไม่ยอมรับแผนการปฏิรูปดังกล่าว
ด้านนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวเมื่อวานนี้ว่า จะไม่มีการมอบเงินช่วยเหลือให้กับกรีซ จนกว่ากลุ่มสถาบันเจ้าหนี้จะเห็นพ้องกันว่ากรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจตามที่ได้ให้สัญญาไว้
หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพ ร่วงลง 1.13% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่บริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลอีก 14%
หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 2.5% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ร่วงลง 2.3% หลังจากทั้งสองบริษัทรายงานว่าจำนวนผู้โดยสารปรับตัวลดลงในเดือนก.พ.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดุลงบประมาณเดือนก.พ.ของรัฐบาลกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน