ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,076.19 จุด พุ่งขึ้น 227.11 จุด หรือ +1.27% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,982.83 จุด เพิ่มขึ้น 45.40 จุด หรือ +0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.50 จุด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด หรือ +1.22%
นักลงทุนขานรับถ้อยแถลงในการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดซึ่งระบุว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 'ไม่มีแนวโน้ม' ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย. และระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสิ่งชี้นำอัตราดอกเบี้ยไม่ได้หมายความว่าเฟดได้ตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว"
การส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 200 จุด แม้ว่าเฟดได้ยกเลิกการใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณาเรื่องกำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแถลงการณ์ครั้งนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าจะเติบโต 2.3%-2.7% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ที่ 2.6%-3.0% และเฟดยังได้ปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2016 และ 2017 เช่นกัน
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 0.6%-0.8% ส่วนในปี 2016 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 1.7%-1.9% ขณะที่ปี 2017 คาดว่าจะอยู่ใกล้ระดับ 2%
หุ้นอาลีบาบาปรับตัวขึ้น 0.11% ขณะที่หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.67% และหุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 3.42%
หุ้นออราเคิลพุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 25% แต่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 1.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะผลกระทบต่อกำไรในปี 2558 ของบริษัท นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงไตรมาส 4/2557, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนมี.ค.เฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.จาก Conference Board