การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันยังคงดิ่งลง ได้เป็นปัจจัยถ่วงตลาดในวันนี้
ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 17,979.58 จุด ลบ 97.51 จุด หรือ 0.54%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดที่ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเฟดได้ยกเลิกการใช้คำว่า "อดทน" ในการพิจารณาเรื่องกำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแถลงการณ์ล่าสุดก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ หลังรมว.น้ำมันคูเวตกล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 3% แตะ 43.01 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นวันที่ 7 หลังดิ่งแตะ 42.91 ดอลลาร์ในช่วงแรก ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
นายอาลี อัล-โอแมร์ รมว.น้ำมันคูเวต กล่าวว่า กลุ่มประเทศโอเปกไม่มีทางเลือก นอกจากตรึงกำลังการผลิตน้ำมันต่อไป ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าภาวะตลาดน้ำมันจะยังคงเผชิญปริมาณน้ำมันจำนวนมากต่อไป
นายอัล-โอแมร์กล่าวว่า เขามีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ดิ่งลงถึง 50% นับตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว เนื่องจากมีผลกระทบต่องบประมาณประเทศ แต่ระบุว่าโอเปกไม่มีทางเลือก นอกจากตรึงกำลังการผลิตต่อไป
"เราไม่ต้องการสูญเสียส่วนแบ่งของเราในตลาดโลก" เขากล่าว
โอเปกตกลงคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว แม้ราคาน้ำมันตกต่ำลง เนื่องจากโอเปกวิตกว่าผลผลิตน้ำมันจาก Shale Oil ของสหรัฐจะกระทบต่อส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลกของโอเปก
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่น้ำมันเบนซินลดลง ส่วนน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 9.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 458.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 80 ปี จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4.1 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 54.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์