ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,011.14 จุด ร่วงลง 104.90 จุด หรือ -0.58% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,994.73 จุด ลดลง 16.24 จุด หรือ -0.32% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,091.50 จุด ลดลง 12.92 จุด หรือ -0.61%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากกระแสการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐประจำเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 539,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2008 ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของดัชนี CPI อาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขณะที่โซเฟีย เคียร์นีย์-เลเดอร์แมน นักวิเคราะห์จากเอฟเอ็นที ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีนั้น อาจจะทำให้เฟดมีเหตุผลที่ดีพอในการตัดสินใจใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยหุ้นไบโอเจปรับตัวลง 2.4% และหุ้นนาสแดค ไบโอเทค ดิ่งลง 2.9% ส่วนหุ้นวิทติง ปิโตรเลียม คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ในรัฐนอร์ธดาโกตา ร่วงลงอย่างหนักถึง 19.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค., จีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 4/2557 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมี.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน