ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,977.04 จุด ลดลง 80.61 จุด หรือ -0.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,988.25 จุด ลดลง 7.73 จุด หรือ -0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,092.43 จุด ลดลง 9.63 จุด หรือ -0.46%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยในสัปดาห์นี้ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และอินเทล คอร์ป จะเปิดเผยผลประกอบการ ด้านนักวิเคราะห์หลายคนได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทเอกชน อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และราคาน้ำมันที่ร่วงลงนั้น จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเหล่านี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด นายนารายานา โคเชอร์ลาโคตา ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส ได้แสดงความเห็นว่า เฟดควรรอจนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปีหน้าเพื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ย และค่อยๆปรับขึ้นทีละน้อยจนแตะระดับ 2% ในปลายปี 2017 หลังจากที่เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2008
หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 3.1% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงด้วย รวมถึงหุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ร่วงลง 1.6% และหุ้นยูเนียน แปซิฟิก ดิ่งลงราว 1.6% เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นไพรซ์ไลน์ กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.9% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดขึ้น 0.6% ส่วนหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวยส์ ทะยานขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ.